น้ำมันจระเข้
- รายละเอียด
- หมวด: innovation product
- เผยแพร่เมื่อ: 31 สิงหาคม 2558
- ฮิต: 49476
ทำไม จระเข้ถึงไม่เสียชีวิตจากแผลที่ติดเชื้อ จากการต่อสู้ และยังอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด นี่คือคำถามจากวิทยาศาสตร์ที่สังเกตการณ์ดำเนินชิวิตของ จระเข้ และเมื่อลองเฝ้าสังเกตดูแล้ว บาดแผลที่เกิดขึ้นบนชั้นผิวหนังของจระเข้รักษาตัวเองได้อย่างรวดเร็วแล้วไม่มีรอยแผลเป็น จากการสังเกตครั้งนี้ จึงได้มีกาศึกษาอย่างจริงจัง โดยการนำไขมันของจระเข้มาวิเคราะห์ เพื่อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ และได้พบว่า น้ำมันจระเข้ที่สกัดออกมานั้น มีคุณสมบัติ ช่วยในการรักษาแผลสะเก็ด ให้หายเร็วขึ้นและไม่เป็นแผลเป็น ส่วนประกอบหลักๆที่มีอยู่ในน้ำมันจระเข้ คือ โอเมก้า-3, -6, และ -9 ซึ่งสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังเมื่อลองสืบค้นดูแล้ว น้ำมันจระเข้ถูกใช้มานานแล้ว บางที่ อ้างว่า ครีโอพัตตรา ก็ยังใช้น้ำมันจระเข้เพื่อผิวที่สวยงามของนาง น้ำมันจระเข้ ที่นำมาใช้เพื่อ เพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว ที่ แห้งแตก คัน แพ้ และ ช่วยในการรักษาแผลให้หายเร็วขึ้นและลดการเกิดแผลเป็น
น้ำมันจระเข้ ได้มีประวัติการใช้มาอย่างยาวนาน ซึ่งถูกบันทึกเป็น Traditional remedy ในหลายๆประเทศ เพื่อช่วยในการบำรุงผิวพรรณ แม้กระทั่ง ยุคอียิป โบราณ ยังมีบันทึกถึงการใช้ น้ำมันจระเข้
ที่มา: Wikipedia
หลายๆที่ กล่าวว่า จากหนังสือ Country Folk Medicine ครีโอพัตตรา ราชนีแห่งเมื่องอียิป ก็ยังใช้นำมันจระเข้เพื่อผิวที่สวยงามของนาง น้ำมันจระเข้สามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว ที่แห้งแตก คัน แพ้ และ บำรุงผิวให้สดใสสวยงาม และได้กล่าวกันว่า มีคุณสมบัติ ในการบำรุงผิวที่ ผิวหนังติดเชื้อรา สิว รวมถึงการรักษาแผลไฟใฟม้ น้ำร้อนลวก และผิวไหม้จากแสงแดด คุณสมบัติที่กล่าวอ้างจากความเชื่อในอดีต ปัจจุบันมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มายืนยันคุณสมบัติเหล่านั้นอย่างไร โปรดติดตาม
ซีดีไอพี (ประเทศไทย) จำกัด ขอนำเสนอ น้ำมันจระเข้ 100% ที่สกัดมาจาก เนื้อเยื่อไขมันจระเข้สายพันธุ์ ไทย และทำให้บริสุทธิ์โดยกระบวนการวิทยาศตร์ขึ้นสูง เพื่อให้ได้ น้ำมันจระเข้ที่มีความบริสุธิ์สูง มีกลิ่นหืนและคาวต่ำ ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้โดยตรงเลย เพื่อประสิธิภาพสูงสุด หรือ ใช้เป็นสาระสำคัญในเครื่องสำอางได้ ในปริมาณสูงโดยไม่สร้างกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์ในตัวเครื่องสำอาง เราเรียกน้ำมันจระเข้ของเราว่า CROCOSIA™
CROCOSIA™ เป็นน้ำมันจระเข้ 100% สกัดโดยไม่ใช้สารเคมีใดๆ และทำให้บริสุทธิ์ โดยวิธีเฉพาะของเรา ซึ่งอยู่ในกระบวนการขึ้น สิทธิบัตร เพื่อกำจัดกลิ่นคาว และ สิ่งแปลกปลอมออก CROCOSIA™ มีคุณสมบัติ เหมือนเกราะปกป้องผิวหนังที่เป็นแผลและช่วยให้ถูกรักษาอย่างรวดเร็วและลดการเกิดแผลเป็น
REF: Hua-Liang Li (2012); Crocodile Oil Enhances Cutaneous Burn Wound Healing and Reduces Scar Formation in Rats
FAQ CROCOSIATM
1. เพราะเหตุใดจึงมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับจระเข้?
นักวิทยาศาสตร์ได้ มีการตั้งข้อสังเกตถึงลักษณะการดำรงชีพของจระเข้ ซึ่งเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำนิ่ง วังน้ำ หรือบึงที่มีโคลนตม1 อุดมไปด้วยเชื้อแบคทีเรียและจุลินทรีย์อยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งจระเข้ยังเป็นสัตว์นักล่าที่มีความดุร้าย ซึ่งมักเกิดบาดแผลจากการต่อสู้กับจระเข้ในแหล่งอาศัยเดียวกัน หรือกับสัตว์อื่น แต่เป็นที่น่าสนใจว่า บาดแผลที่เกิดขึ้นนั้นสามารถเยียวยาสมานแผลให้ปิดสนิทได้ในระยะเวลาอันสั้น และไม่ติดเชื้อ จากกรณีดังกล่าวจึงเป็นจุดที่สนใจให้เกิดการตั้งทฤษฏี และสมมติฐานต่างๆทางวิทยาศาสตร์ถึงสารสำคัญในร่างกายของจระเข้ที่ช่วยในการต่อสู้กับเชื้อโรคและต่อต้านการติดเชื้อ(Infection)
2. ร่างกายของจระเข้ มีกลไกป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อ (Infection) ได้อย่างไร? ?
ผลจากการศึกษาพบว่าในร่างกายของจระเข้มีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีเยี่ยม โดยภูมิคุ้มกันในระบบเม็ดเลือดและผิวหนัง สามารถประสานการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อ(Infection)และสมานแผลได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเกิดบาดแผลขึ้นบนร่างกาย
3. น้ำมันจระเข้ (Crocodile oil) มีแหล่งที่มาอย่างไร?
น้ำมันจระเข้(Crocodile oil) ทำการสกัดจาก“ไขมันจระเข้(Crocodile fatty tissues)” เนื่องจากจระเข้เป็นสัตว์ที่มีพละกำลังแข็งแรง ในทางสรีรวิทยา(Physiology)จึงมีปริมาณไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายไม่มาก ทำให้สามารถเก็บไขมันจระเข้ได้เฉลี่ยประมาณ 600-800กรัมจากจระเข้เพียง 1ตัวเท่านั้น3 จึงเป็นหนึ่งในข้อจำกัดต่อการศึกษาและพัฒนาการสกัดไขมันจากจระเข้ เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนมากและเทคโนโลยีชั้นสูง ในการสกัดน้ำมันจระเข้ จากวัตถุดิบไขมันที่มีปริมาณไม่มากนัก
4. องค์ประกอบและสารสำคัญในน้ำมันจระเข้มีอะไรบ้าง?
ในไขมันจระเข้ ประกอบไปด้วยกรดไขมันชนิดอิ่มตัว(Saturated fatty acid) และกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ( Unsaturated fatty acid) พบสารสำคัญที่มีอยู่ในน้ำมันจระเข้ ได้แก่ โอเมก้า (Omega) 3, 6และ 9ซึ่งเป็นองค์ประกอบของกรดไขมันปาล์มมิติก(Palmitic Acid),กรดไขมันโอเลอิก(Oleic Acid) และกรดไขมันไลโนเลอิก (Linoleic Acid) ในปริมาณสูง โดยกรดไขมันดังกล่าวมีคุณสมบัติสำคัญในการให้ความชุ่มชื้น บำรุงผิวพรรณ ได้อย่างดีเยี่ยม
5. น้ำมันจระเข้ (Crocodile oil) มีประโยชน์อย่างไร?
ผลจากการศึกษาวิจัย พบว่าน้ำมันที่สกัดจากไขมันจระเข้ มีคุณสมบัติเด่นในด้านการบำรุงผิวพรรณ ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ลดอาการอักเสบระคายเคือง จากผิวหนังที่แห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น มีคุณสมบัติของเชื้อแบคทีเรียก่อโรค Staphylococcus aureus, Klebsiella pneumonia5 และลดการเจริญเติบโตเชื้อรา Candida albicans ได้อย่างมีนัยสำคัญสูงถึง 81.7%6 อีกทั้งสามารถช่วยสมานแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ให้หายได้เร็วขึ้น และมีส่วนช่วยกระตุ้นชั้นเซลล์ผิวใหม่และควบคุมเอนไซม์ในการสร้างชั้นผิวให้เป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ชั้นเซลล์ผิวใหม่มีการเรียงตัวที่เป็นระเบียบ ลดการเกิดรอยแผลเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนประกอบหลักๆที่มีอยู่ในน้ำมันจระเข้ คือ โอเมก้า (Omega) 3, 6, และ 9ซึ่งสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งมีองค์ประกอบของกรดไขมัน Palmitic Acid , Oleic Acid และ Linoleic Acid สูง
6. น้ำมันจระเข้ (Crocodile oil) มีความปลอดภัยหรือไม่?
น้ำมันจระเข้มีส่วนประกอบที่คล้ายคลึงกับองค์ประกอบไขมันบนผิวหนังของมนุษย์ โดยมีความแตกต่างเพียงจำนวนเปอร์เซ็นต์ของส่วนประกอบที่ปรากฏ และด้วยคุณสมบัติดังกล่าว จึงพบอาการแพ้(Allergic)ได้น้อยมาก เมื่อทาน้ำมันจระเข้ลงบนผิวหนังมนุษย์ อีกทั้งยังมีการยอมรับถึงความปลอดภัยและได้รับความนิยมในการใช้อย่างกว้างขวาง
น้ำมันจระเข้ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์เป็นระยะเวลายาวนานหลายร้อยปี ในหลายวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค อาทิ อียิปต์,จีน,สิงคโปร์,มาเลเซีย,ฟิลิปินส์,อเมริกาใต้,มาดากัสการ์,ออสเตรเลีย, และแอฟริกาใต้ เป็นต้น ในอารยธรรมยุคอียิปต์โบราณพบว่ามีการใช้น้ำมันที่สกัดจากไขมันจระเข้ ในด้านการป้องกันและเยียวยารักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆในมนุษย์9 นอกจากนี้ในอารยธรรมจีนโบราณ พบว่าชาวจีนนั้นมีความผูกพัน และมีการใช้ประโยชน์จากจระเข้มาอย่างยาวนาน โดยชาวจีนได้เริ่มมีการบริโภคเนื้อจระเข้มา เมื่อราว 4,000 ปีก่อน จากบันทึกตำราการแพทย์แผนจีน ชื่อว่า The “Compendium of Materia Medica” โดย หลี่ สือเจิน (Li Shizhen) เภสัชกรชาวจีนผู้มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์หมิง ได้กล่าวว่า เนื้อจระเข้นั้นเป็นตัวชูกำลังที่มีคุณค่า โดยสามารถรักษาความชื้นและจุดด่างดำบนผิว การรับประทานเนื้อจระเข้เป็นประจำช่วยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ลดจุดด่างและทำให้มีผิวพรรณที่สวยงาม
ในปัจจุบันพบว่าผู้บริโภคมีการใช้ประโยชน์จากน้ำมันจระเข้เป็นเครื่องสำอางบำรุงผิวพรรณ เพื่อแก้ไขปัญหาสภาพผิวต่างๆ เพื่อความสวยงาม อาทิ ผิวแห้งแตก ผิวหนังลอกเป็นขุย สิว ผิวอักเสบ ริ้วรอย จุดด่างดำ แสบร้อนจากแสงแดด(Sunburn) อาการระคายเคือง แมลงสัตว์กัดต่อย แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกขนาดเล็ก และในเชิงการรักษาบรรเทาอาการของโรคผิวหนังเอ็คซีม่า(Eczema) และโรคสะเก็ดเงิน(Psoriasis)
7. CROCOSIATM คืออะไร?
CROCOSIATM เป็นนวัตกรรมใหม่ของ “น้ำมันจระเข้” จากแนวทางการคิดค้นและพัฒนากระบวนการสกัดน้ำมันจากไขมันของจระเข้สายพันธุ์ไทย(Crocodylus Siamnensis) ซึ่งจัดเป็น“Waste Product” หรือวัตถุดิบเหลือใช้จากอุตสาหกรรมเนื้อและหนังจระเข้ในประเทศ เพื่อมาต่อยอดใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและเวชสำอาง ด้วยขั้นตอนและวิธีการสกัดที่เป็นเทคนิคเฉพาะ ผ่านการวิจัยและพัฒนาโดยทีมงานนักวิจัยฝ่ายนวรรตกรรม(Innovation teams) ควบคุมคุณภาพและผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ภายใต้สิทธิบัตรของบริษัท CDIP (Thailand)Co.Ltd. ส่งผลให้ได้วัตถุดิบน้ำมันจระเข้ที่มีคุณภาพที่ดีขึ้น คงปริมาณสารสำคัญ ขจัดสิ่งแปลกปลอมและลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
8.CROCOSIATM มีลักษณะอย่างไร?
CROCOSIATM เป็นน้ำมันจระเข้ สกัดจากไขมันจระเข้สายพันธุ์ไทย Crocodylus Siamnensis มีลักษณะทางกายภาพเป็นน้ำมัน ของเหลวใส บริสุทธิ์ 100% ปราศจากสิ่งเจือปน ประกอบไปด้วยกรดไขมันสำคัญ 3 ชนิด ได้แก่ กรดไขมันปาล์มมิติก(Palmitic Acid),กรดไขมันโอเลอิก(Oleic Acid) และกรดไขมันไลโนเลอิก (Linoleic Acid) หรือที่รู้จักกันในชื่อของโอเมก้า3,6 และ 9(Omega 3,6,9)1ดำเนินการผลิตภายใต้สิทธิบัตรของบริษัท CDIP (Thailand) Co.Ltd. แต่เพียงผู้เดียว และจัดจำหน่ายใน 3 เกรดตามระดับคุณภาพ ได้แก่ เกรดมาตรฐาน(Standard Grade: ST),เกรดพรีเมี่ยม(Premium Grade: PM) และเกรด ไฮ เพอร์ฟอร์มานซ์(High Performance: HP)
9. CROCOSIATM น้ำมันจระเข้สายพันธุ์ไทย แตกต่างจากน้ำมันจระเข้สายพันธุ์อื่นหรือไม่?
อ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยในการวัดปริมาณกรดไขมันสำคัญในน้ำมันจากไขมันจระเข้ลุ่มน้ำไนล์(NileCrocodile: C.niloticus) และจระเข้น้ำเค็ม(C.pyrosus) เทียบกับผลวิเคราะห์น้ำมันจระเข้CROCOSIATMซึ่งเป็นน้ำมันจากไขมันจระเข้สายพันธุ์ไทย(C.Siamnensis) พบว่ามีชนิดและปริมาณกรดไขมันสำคัญคือ กรดไขมันปาล์มมิติก(Palmitic fatty acid) ในปริมาณที่ใกล้เคียงกัน
นอกจากนี้ อ้างอิงจากงานวิจัยเกี่ยวกับน้ำมันที่สกัดจากไขมันจระเข้สายพันธุ์ไทย(C.Siamnensis)ชื่อว่า“Crocodile oil enhances cutaneous burn wound healing and reduces scar formation in rats” โดยHua-Liang Li, PhDและคณะ ที่ได้รับการตีพิมพ์ใน Academic Emerg Medicine เมื่อปี 2012 ได้ผลการทดลองและข้อสรุปที่ว่าในน้ำมันจากจระเข้สายพันธุ์ไทย(C.Siamnensis)พบปริมาณกรดไขมันสำคัญเป็นส่วนใหญ่ 3 ชนิด ได้แก่ กรดไขมันปาล์มมิติก(Palmitic Acid),กรดไขมันโอเลอิก(Oleic Acid) และกรดไขมันไลโนเลอิก (Linoleic Acid)นอกจากนี้พบว่าน้ำมันจากจระเข้สายพันธุ์ไทยสามารถช่วยสมานแผลน้ำร้อนลวกขนาดเล็ก ให้ปิดสนิทได้เร็วกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม(Control)และกลุ่มที่รักษาแผลด้วย น้ำเกลือ หรือ Silver Salfadiazine อีกทั้งชั้นผิวที่เกิดขึ้นใหม่นั้นมีการเรียงตัวของชั้นผิวคอลลาเจนที่เป็นระเบียบ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะน้ำมันจระเข้มีฤทธิ์ควบคุมยีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างชั้นผิวใหม่ ลดการเกิดรอยแผลเป็น
10. CROCOSIATM สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างไรบ้าง?
น้ำมันจระเข้ CROCOSIATM เป็นวัตถุดิบ(Raw Material)สามารถนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง สกินแคร์ และเวชสำอาง ร่วมกับส่วนผสมอื่นๆ อาทิ น้ำมันหอมระเหย(Essential oil) ,สารสกัดจากธรรมชาติ(Natural extracts),กากกาแฟ,น้ำนมแพะ,ว่านหางจระเข้ และอื่นๆ ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์จากน้ำมันจระเข้ในตลาดเครื่องสำอางมากมาย หลากหลายรูปแบบ เช่น น้ำมันบริสุทธิ์ สำหรับทาผิว (Pure oil),น้ำมันบำรุงผิวหน้า(Facial oil),ครีม,บาล์ม(Balm), สบู่,มาส์กหน้า(Facial mask) เป็นต้น
การศึกษาน้ำมันจระเข้
การศึกษาของ Telanie Venter B. , M.Sc. (Pharmaceutics) ในปี 2012พบว่าน้ำมันจระเข้มีกรดไขมันอิ่มตัวและกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่เป็นองค์ประกอบ เช่นเดียวกับปริมาณกรดไขมันในผิวมนุษย์ เมื่อนำมาใช้กับผิวของมนุษย์จะทำให้เกิดโอกาสการแพ้การระคายเคืองได้น้อย รวมถึงยังสามารถดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ดีอีกด้วย น้ำมันจระเข้ Crocosia จึงสามารถใช้ เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น สามารถใช้กับบริเวณที่ผิวแห้ง แตก คัน และยังมีคุณสมบัติในการสมานแผล ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ไหม้จากแสงแดด และ แผลที่อยู่ระหว่างการตกสะเก็ด เพื่อลดการเกิดแผลเป็นอีกด้วย
คุณสมบัติของน้ำมันจระเข้
จากการศึกษาคุณสมบัติของน้ำมันจระเข้ในการสมานแผลไฟไหม้และลดการเกิดรอยแผลเป็นในหนู (Hua-Liang Li et al. , 2012 ) พบว่าหนูที่ทำให้ผิวหนังถูกไหม้โดยใช้รังสี UV และใช้น้ำมันจระเข้มี healing time น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับหนูที่ใช้ Normal saline และ Sliver sulfadiazine และเมื่อนำชั้นผิวหนังของหนูไปส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ พบว่าน้ำมันจระเข้ช่วยลดการเกิดแผลเป็นในชั้นผิว epidermis หรือหนังกำพร้าได้ โดยยับยั้งการสร้างเซลล์ใหม่ที่เร็วเกิดไปและทำให้เกิดรอยแผลเป็น
การทำงานของน้ำมันจระเข้ในการสมานแผล
น้ำมันจระเข้ ทำงาน ระดับ gene expression TGF-β1 ⁄Smad3 เป็นยีนที่เข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการรักษาแผล เมื่อเกิดแผลที่ผิวหนัง ยีนสองตัวนี้จะทำงานมากกว่าปรกติเพื่อเร่งการสร้างเนื้อเยื่อจนเกิดเปนแผลเป็นนูนขึ้น
ที่มา: Hua-Liang Li et al. , 2012
จากกราฟ แสดงให้เห็นว่า การทำงาน ของ ยีน TGF-β1 ⁄Smad3 ในตัวอย่างแผลไฟไหม้ที่ใช้น้ำมันจระเข้ ต่ำลงมากเมื่อเทียบกับค่าที่ได้จากแผลไฟไหม้ของตัวอย่างควบคุม และมีค่า ใกล้เคียง กับสภาวะของผิวปรกติ และนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถยืนยัน คุณสมบัติของน้ำมันจระเข้ในการช่วยการสมานแผลและลดการเกิดแผลเป็น
การจัดเรียงคอลลาเจน บริเวณแผลเมื่อใช้น้ำมันจะเข้
คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการที่จะมีผิวที่แข็งแรงและเรียบเนียน และยังมีบทบาทสำคัญในการสมานแผลที่ผิวหนังโดยธรรมชาติ โดยการถูกสร้างใหม่ แต่ถ้าการสังเคราะห์คอลลาเจนขึ้นมาใหม่นี้ ผิดรูปแบบการจัดเรียง ผิดโครงสร้างจะทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดเป็นรอยนูนและจะทำให้เกิดแผลเป็นในที่สุด
ที่มา: Hua-Liang Li et al. , 2012
epi = epidermal; h = hair follicle
จากภาพถ่ายผิวหลังจาก 28 วันของการทดสอบ
- รอยต่อระหว่าง epidermis และ dermis ของ ตัวอย่างกลุ่ม burn control จะมีร่องรอยการถูกทำลาย(รอยต่อไม่ชัดเจน)ในกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ silver sulfadiazine มีรอยต่อที่ชัดเจนแสดงถึงการฟื้นฟูที่ดีแต่มี ชั้น epidermis ที่หนามาก เมือเปรียบเทียบกับ ผิวปรกติและกลุ่มที่ใช้น้ำมันจระเข้
- รูขุมขน ในกลุ่มที่ใช้ น้ำมันจระเข้มีการฟื้นฟูดีที่สุดเมื่อเทียบกลุ่มแผลไฟไหม้อื่นๆ
- การจัดเรียง คอลลาเจน ในกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ น้ำมันจระเข้ มีการจัดเรียงที่สม่ำเสมอ ไม่รวมตัวเป็นกลุ่มก้อนซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดรอยแผลเป็นนูนในที่สุด
ผลิตภัณฑ์จากมันจระเข้ Crocosia "PETE&PAUL NATURAL OIL" (Crocosia + Tea tree oil)
Download CROCOSIA™ Brochure TH
ขนาดบรรจุภัณฑ์
ข้อมูลเพิ่มเติม
131 ห้อง 204 อาคารกลุ่มนวัตกรรม1 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120
(662) 564 7000 ต่อ 5204, +66 564 7200 ต่อ 5227